พัดลมอุตสาหกรรม 18 นิ้ว มีวิธีการเลือกซื้อและบำรุงรักษาอย่างไร

พัดลมอุตสาหกรรม คือพัดลมขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแรงทนทานและมีกำลังในการพัดแรงกว่าพัดลมตามบ้านทั่วไป มีมอเตอร์ที่ใหญ่ให้กำลังไฟสูง อุปกรณ์ที่ประกอบในตัวพัดลมอุตสาหกรรม 18 นิ้วจะประกอบไปด้วยวัสดุที่เน้นให้ความแข็งแรงทนทานเป็นสำคัญ และพัดลมชนิดนี้มักถูกใช้งานตามโรงงาน ตามโกดังสินค้า ซึ่งการที่โรงงานใช้พัดลมชนิดนี้ก็เพื่อที่จะลดอุณหภูมิเพื่อที่จะระบายอากาศให้กับคนงาน เครื่องจักรที่ถูกใช้งานหนักอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพัดลมชนิดนี้จะมีกี่ประเภท มีวิธีการเลือกซื้อและบำรุงรักษาอย่างไร เราไปดูกัน capitallaboratory

ประเภทของพัดลมอุตสาหกรรมมีแบบใดบ้าง

พัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบขาเดียว

เป็นพัดลมรูปแบบมาตรฐาน ใบพัดทำจากอะลูมิเนียมแข็งแรง ไม่เป็นสนิม หน้าปัดทนทาน พร้อมกับเสาตรงยาวยึดกับฐานทรงกลมสำหรับวางพื้นได้มั่นคง ไม่ล้มหรือหงายขณะเปิดใช้งานพัดลมอยู่ได้ ปรับแรงลมได้หลายระดับ ปรับหน้าปัดขึ้นลงได้หลายองศา ในบางรุ่นสามารถปรับความสูงได้ เหมาะสำหรับใช้ตามพื้นที่ทำงานทั่วไป

พัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบ 3 ขา

เป็นพัดลมขนาดมาตรฐาน ส่วนใหญ่มีขนาดหน้ากว้างตั้งแต่ 20 นิ้วขึ้นไป มาพร้อมกับเสาขาตั้ง 3 ขา กางตั้งง่าย มั่นคง แข็งแรง พับเก็บได้สะดวก พัดลมชนิดนี้ปรับระดับแรงลม ปรับก้มเงยหน้าปัดพัดลมได้ และในบางรุ่นสามารถขยายความสูงของเสาพัดลมได้อีกด้วย จึงเป็นที่นิยมใช้ตามพื้นที่โล่งทั่วไป เช่น ตามโรงงาน วัด หอประชุม และอื่น ๆ

พัดลมอุตสาหกรรมแบบตั้งโต๊ะ

พัดลมอุตสาหกรรมแบบตั้งโต๊ะ ส่วนใหญ่มีอยู่หลัก ๆ 2 แบบ ได้แก่ แบบใบพัดเล็ก ตัวเครื่องกะทัดรัด พกพาง่าย เหมาะสำหรับเป่าลมเย็นสบาย คลายความร้อน และเป่าได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และแบบใบพัดใหญ่ ตัวเครื่องยังสามารถพกพาได้ แต่ให้ลมแรงกว่า ช่วยระบายความร้อน และถ่ายเทอากาศในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น เป็นพัดลมที่ตอบโจทย์กับผู้ที่ทำงานตรงจุดเดิมๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้พัดลมแบบตั้งโต๊ะยังมีฟังก์ชันเสริมอื่นให้เลือกใช้งานอีกด้วย เช่น ปุ่มควบคุมระดับแรงลม ปุ่มปรับส่าย หรือปรับแหงนขึ้นลง เป็นต้น

วิธีการเลือกพัดลมอุตสาหกรรม

  1. ขนาดของใบพัด

ขนาดของใบพัดควรที่จะมีความใหญ่ตั้งแต่ 18 นิ้วขึ้นไป เพราะจุดประสงค์หลักของพัดลมชนิดนี้คือการปล่อยลมที่มีความแรงในระดับหนึ่ง เพื่อครอบคลุมพื้นที่ได้เยอะไม่ว่าจะเป็นโรงงานหรือภายในพื้นที่กว้างต่าง ๆ ฉะนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อเราต้องพิจารณาในเรื่องของใบพัดด้วยครับ ยิ่งใบพัดมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ แสดงว่ามันจะปล่อยลมได้แรงมากขึ้นเท่านั้น

  1. สามารถปรับระดับความสูงได้

ส่วนนี้ถือว่าค่อนข้างสำคัญมาก เพราะพื้นที่ในแต่ละจุดจะมีความสูงและความต่ำในระดับที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าหากพัดลมอยู่ต่ำจนเกินไป มันอาจจะปล่อยลมออกมาได้ไม่ตรงจุดที่เราต้องการ ซึ่งถ้าจะให้แนะนำคุณควรจะเลือกซื้อพัดลมอุตสาหกรรมที่สามารถปรับระดับความสูงได้ เพื่อให้เราได้ปรับทิศทางลมได้ตามต้องการ

  1. กำลังไฟของพัดลม

กำลังไฟจะเป็นตัวที่บอกทั้งประสิทธิภาพของพัดลมและค่าไฟฟ้าที่เราจะต้องจ่ายครับ อย่างเช่น ถ้าพัดลมกินไฟประมาณ 197 วัตต์ ซึ่งถ้าคุณนำไปเปิดในร้านอาหารหรือโรงงานขนาดใหญ่ประมาณ 12 ชั่วโมงในทุกวัน

  1. มีระบบความปลอดภัย

โดยปกติแล้วคนที่ซื้อพัดลมอุตสาหกรรมจะเปิดใช้พัดลมที่ค่อนข้างนาน เพราะในโรงงานหรือพื้นที่ใหญ่ ๆ จะมีพนักงานที่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งความเย็นและออกซิเจนที่ไหลเวียนเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นจะต้องเปิดใช้พัดลมหลายชั่วโมง ทั้งนี้การเปิดใช้งานที่นานมาก ๆ อาจจะเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดได้เกี่ยวกับไฟฟ้า ถึงแม้ว่าพัดลมชนิดนี้จะออกแบบหรือดีไซน์มาเพื่อเปิดใช้งานได้ยาวนาน แต่เพื่อความมั่นใจและปลอดภัย ผมอยากให้คุณเลือกพัดลมที่มีระบบความปลอดภัยอย่างเช่นระบบตัดไฟอัตโนมัติเป็นต้น

  1. ปรับความแรงลมได้

ไม่ว่าจะเป็นพัดลมตั้งพื้นทั่วไปหรือพัดลมอุตสาหกรรม ฟังก์ชันของพัดลมควรจะสามารถปรับความแรงของลมได้ เพื่อให้เราได้ลมที่มีความแรงตามที่เราต้องการ เมื่อความร้อนภายในอาคารหรือนอกอาคารสูง เราจะได้สามารถปรับให้มันพัดลมได้แรงขึ้นกว่าเดิม ช่วยทำให้สามารถคลายร้อนให้กับเราได้

  1. ผ่านมาตรฐานการผลิต

สินค้าที่เราจะซื้อโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นควรจะต้องผ่านมาตรฐานการผลิตจากองค์กรที่น่าเชื่อถือครับ เพราะอย่างน้อยจะเป็นการรับประกันว่าอุปกรณ์ที่เราจะซื้อมีมาตรฐานที่ดีในระดับหนึ่ง เมื่อใช้งานแล้วจะไม่เกิดอันตราย

วิธีการบำรุงรักษาพัดลมอุตสาหกรรมต้องทำอย่างไร

  1. เช็ดมอเตอร์และกำจัดฝุ่นและตะกอนออกจากฐานมอเตอร์ของพัดลมเพดานอุตสาหกรรมให้ทันเวลา หากมีฝุ่นมากควรทำความสะอาดวันละครั้ง
  2. ตรวจสอบและทำความสะอาดขั้วมอเตอร์และตรวจสอบว่าสกรูขั้วต่อกล่องเทอร์มินัลหลวมหรือไหม้หรือไม่
  3. ตรวจสอบสกรูของส่วนยึดแต่ละส่วนเพื่อดูว่ามีการหลวมหรือไม่ หากพบการหลวมให้ขันนอตที่คลายออกทันที
  4. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ส่งกำลังรอกหรือข้อต่อของพัดลมเพดานอุตสาหกรรมเสียหายหรือไม่การติดตั้งแน่นหนาหรือไม่
  5. อุปกรณ์สตาร์ทของมอเตอร์ควรทำความสะอาดฝุ่นภายนอกและสิ่งสกปรกให้ทันเวลาเช็ดหน้าสัมผัสตรวจดูว่ามีรอยไหม้ที่ชิ้นส่วนสายไฟหรือไม่และสายดินยังดีอยู่หรือไม่
  6. การตรวจสอบและบำรุงรักษาตลับลูกปืน หลังจากใช้แบริ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งควรทำความสะอาดและเปลี่ยนด้วยจาระบีหรือน้ำมันหล่อลื่น